
15 วิธีดูแลสภาพจิตใจ หลังเผชิญความโศกเศร้า (ตอน
จบ)
มาต่อกับวิธีที่ 8-15 ดูแลสภาพจิตใจ หลังเผชิญความโศกเศร้า ตอนที่ 2 "มุ่งหน้าหาความสุข"
8.) หันเหความสนใจออกจากความเศร้า. พยายามจดจำช่วงเวลาดี ๆ และความทรงจำที่ดีที่สุดที่คุณมีกับเขาหรือสัตว์เลี้ยงที่คุณสูญเสียไป การนึกถึงแต่ความคิดแย่ ๆ หรือความรู้สึกผิดไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ มีแต่จะทำให้คุณรู้สึกแย่มากขึ้น เชื่อเถอะว่าคนที่เคยนำความสุขมาให้คุณเขาไม่มีวันอยากเห็นคุณจมจ่อมกับความทุกข์หรอก พยายามจดจำสิ่งที่เขาเคยพูด สิ่งเพี้ยน ๆ ที่เขาทำ ช่วงเวลาที่คุณสองคนได้หัวเราะกัน และสิ่งที่เขาสอนคุณเกี่ยวกับชีวิตและตัวคุณเอง
ถ้าคุณสูญเสียสัตว์เลี้ยง จดจำช่วงเวลางดงามที่คุณเคยมีกับมัน ชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขที่คุณมอบให้มัน และนิสัยเฉพาะของมัน
ทุกครั้งที่รู้สึกเหมือนจะกลับไปเศร้า โกรธ หรือสงสารตัวเองยิ่งกว่าเดิม ให้หยิบไดอารี่และเขียนเรื่องราวดี ๆ ที่คุณจำได้เกี่ยวกับเขาหรือสัตว์เลี้ยงที่คุณเพิ่งสูญเสียไป เวลาที่เศร้า คุณสามารถระบายกับไดอารี่ได้เพื่อย้ำเตือนถึงความสุขที่คุณเคยมี
9.) เบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง. การทำให้ตัวเองยุ่งและการทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูงทำให้คุณได้หยุดพักหลังจากเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องความสูญเสีย และยังให้พื้นที่คุณได้ตระหนักด้วยว่า ในโลกที่คุณอาศัยอยู่นั้นยังมีสิ่งดี ๆ อีกมากมาย
แม้ว่าการทำงานหรือเรียนหนังสือจะช่วยบรรเทาไม่ให้คุณคิดเรื่องการสูญเสียอยู่ตลอดเวลา แต่ก็อย่าเบี่ยงเบนตัวเองด้วยการพึ่งพากิจวัตรประจำวันเหล่านี้เพียงอย่างเดียว เพราะมันจะทำให้คุณรู้สึกว่านอกจากงานกับความสูญเสียแล้วชีวิตคุณไม่มีอะไรเลย พยายามกลับไปสร้างความสุขให้ตัวเองอีกครั้งด้วยการทำอะไรก็ได้ที่สร้างความสงบให้แก่คุณ ไม่ว่าจะเป็นทำสวน ทำอาหาร ตกปลา ฟังเพลงโปรด เดินเล่น วาดรูป ระบายสี เขียน เป็นต้น เลือกกิจกรรมที่ช่วยให้คุณใจสงบและสร้างผลลัพธ์ที่ทำให้คุณยิ้มได้ (ซึ่งงานประจำวันหรือการเรียนไม่สามารถให้คุณได้เสมอไป)
ลองเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมดู เปลี่ยนจากการคิดถึงแต่ปัญหาของตัวเองไปมองปัญหาของคนอื่นแทน ลองมองกิจกรรมอาสาสมัครไว้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ถ้าคุณชอบเด็ก การได้ช่วยเหลือเด็กเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความสดใสและเสียงหัวเราะอาจช่วยให้คุณสบายใจขึ้นได้
10.) มองหาความสุขใจในวันที่สวยงาม. อาการโศกเศร้าที่พบได้ทั่วไปก็คือ การนั่งจับเจ่าอยู่กับบ้านไม่ออกไปใช้ชีวิตข้างนอก เมื่อคุณก้าวข้ามผ่านความโศกเศร้าในช่วงแรก ๆ ได้แล้ว ลองหาโอกาสไปพบปะแสงแดดเจิดจ้าบ้าง ใช้เวลาไปกับการเดินเล่น ครุ่นคิด และแค่สังเกตความสวยงามของธรรมชาติที่อยู่รอบตัวคุณ อย่าพยายามไล่ตามความรู้สึกใดเป็นพิเศษ แค่ปล่อยให้ความอบอุ่นของแสงอาทิตย์สาดส่องมาที่ตัวคุณ และปล่อยให้เสียงของโลกใบนี้ไหลผ่านตัวคุณ อัศจรรย์ใจในความงามของต้นไม้และสถาปัตยกรรมที่คุณเห็น ปล่อยให้ชีวิตที่ยุ่งเหยิงย้ำเตือนคุณว่าโลกนี้ช่างสวยงาม ชีวิตดำเนินต่อไป คุณมีคุณค่าพอที่จะเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้และสุดท้ายคุณก็จะได้เพลิดเพลินไปกับกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ เหมือนเดิม
มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์กล่าวว่า แสงอาทิตย์เป็นสารต้านความหดหู่ที่มาจากธรรมชาติ[1] การได้ออกนอกบ้านอาจจะช่วยให้คุณคลายความหดหู่ได้
11.) เรียกคืน ความคิด ถึงสิ่งที่คุณสูญเสียไป. เวลาที่คุณสูญเสียใครสักคน ความจริงที่น่าเศร้าก็คือคุณจะไม่มีวันได้สนุกสนานไปกับเขาหรือเธอแบบเห็นหน้ากันจริง ๆ อีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาหรือสัตว์เลี้ยงที่คุณสูญเสียจะไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ในฐานะความคิดหรือสัญลักษณ์ได้เลย รู้ไว้ด้วยว่าเขาหรือสัตว์เลี้ยงที่คุณสูญเสียไปนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ในความคิด คำพูด และการกระทำของคุณ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราพูดหรือคิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับความทรงจำของคนที่จากไป นั่นแปลว่าเขาหรือเธอก็ยังคงอยู่กับคุณนั่นเอง
หลายศาสนาสอนว่า วิญญาณหรือดวงจิตของคน ๆ นั้นยังคงอยู่แม้ว่าร่างกายของเขาหรือเธอจะตายไปแล้ว ศาสนาอื่น ๆ สอนว่าดวงจิตของคน ๆ นั้นจะเปลี่ยนรูปไปเป็นอย่างอื่นหรือกลับคืนสู่โลก ถ้าคุณนับถือศาสนา ให้ปลอบใจตัวเองว่าวิญญาณของคนที่คุณสูญเสียไปนั้นเขายังคงอยู่
12.) ใช้เวลาร่วมกับคนดีๆ. การที่จะกระตุ้นตัวเองให้ออกไปข้างนอกและใช้เวลากับเพื่อน ๆ หลังจากการสูญเสียนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เป็นวิธีที่ช่วยให้อารมณ์ของคุณดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การได้ออกไปใช้เวลากับเพื่อนฝูงที่เข้าใจสภาวะอารมณ์ของคุณแม้ว่าคุณจะยังไม่หายดี 100% นั้นเป็นความคิดที่ดี หาเพื่อน ๆ หรือคนรู้จักที่เป็นคนสนุกสนานแต่ก็ใจดีและเข้าอกเข้าใจผู้อื่น พวกเขาจะช่วยให้คุณกลับเข้ามามีบทบาทในสังคมเดิมของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณมีเรื่องให้ทำขณะกำลังก้าวข้ามความโศกเศร้า
การสังสรรค์ครั้งแรกหลังจากการสูญเสียครั้งใหญ่อาจจะกร่อย ๆ หรือกระอักกระอ่วนนิดหน่อยเพราะเพื่อน ๆ ไม่รู้ว่าจะเข้าถึงคุณในเรื่องนี้อย่างไรดี อย่าปล่อยให้สิ่งนี้มาฉุดรั้งคุณไว้ เพราะถึงจุดหนึ่งคุณก็ ต้อง กลับเข้ามาสู่ชีวิตสังคมปกติที่คุณมี เข้มแข็งเข้าไว้ มันอาจจะใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนกว่าทุกอย่างจะเข้าที่ "เป็นปกติ" การได้ใช้เวลากับเพื่อน ๆ ที่น่ารักเป็นความคิดที่ดีเสมอ
13.) อย่าแกล้งทำเป็นมีความสุข. ขณะที่กลับไปสู่กิจวัตรประจำวันปกติ คุณอาจจะรู้สึกว่าสถานการณ์ในหน้าที่การงานหรือสังคมบังคับให้คุณต้องมีความสุขมากกว่าที่คุณ มี จริง ๆ แม้ว่าคุณจะไม่ควรจมจ่อมอยู่ในความโศกเศร้า แต่คุณก็ไม่ควร บังคับ ให้ตัวเองมีความสุขด้วยเช่นกัน ความสุขที่เกิดจากการ บังคับ นั้นหนักหน่วงมาก มันเป็นภาระที่คุณต้องแบกไว้เพื่อให้ตัวเองยิ้มได้ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากยิ้ม อย่าทำให้ความสุขเป็นเหมือนงานบ้านที่คุณต้องทำทั้งที่ไม่อยากทำ ! คุณสามารถวางตัวหรือแสดงท่าทางจริงจังในวงสังคมหรือหน้าที่การงานได้ตามปกติ ตราบใดที่คุณไม่ได้ทำให้คนอื่นไม่มีความสุขไปด้วย เก็บรอยยิ้มของคุณไว้ตอนที่คุณมีความสุขอย่างแท้จริงดีกว่า เพราะรอยยิ้มนั้นจะสวยกว่ากันมาก
14.) ให้เวลาเยียวยาบาดแผล. เวลาเยียวยาทุกสิ่ง มันอาจจะต้องใช้เวลาเป็นเดือน ๆ หรือเป็นปี ๆ เพื่อรักษาบาดแผลทางอารมณ์ ซึ่งนั่นก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะสักวันคุณจะเริ่มให้เกียรติคนที่คุณสูญเสียด้วยการตั้งเป้าหมายใหม่กับตัวเองว่า คุณจะเติมเต็มชีวิตให้มีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม
อย่ากังวลไปเลย คุณไม่มีวันลืมคนที่คุณรักได้หรอก และคุณก็จะไม่มีวันหลงลืมความแข็งแกร่งภายในที่ขับเคลื่อนให้คุณตามหาเป้าหมายหรือความสำเร็จที่หล่นหายไปด้วย สิ่งที่อาจจะเปลี่ยนจากนี้ก็คือวิธีการที่คุณเข้าหาชีวิต คุณอาจจะมีสมาธิแข็งแกร่งขึ้น มีแนวคิดเรื่องคุณค่าที่เปลี่ยนไป หรือมีมุมมองเกี่ยวกับชีวิตด้านใดด้านหนึ่งที่ต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง แต่กระบวนการนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น ถ้าคุณไม่ให้เวลาตัวเองได้เยียวยาบาดแผลบ้าง
แม้ว่าคุณควรจะให้เวลาตัวเองได้เยียวยาบาดแผลสักพัก แต่ในขณะเดียวกันสิ่งสำคัญก็คือ ชีวิตของคุณมีค่าและคุณมีหน้าที่ที่จะต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุดตราบใดที่คุณยังอยู่ที่นี่ เป้าหมายของชีวิตคือการมีความสุขไม่ใช่ความทุกข์ อย่าเร่งตัวเองให้หายเศร้า แต่ก็อย่าพึงพอใจกับบาดแผลทางจิตใจที่ยังไม่หายดีเช่นกัน ทำให้การเดินทางเพื่อเยียวยาแผลใจเป็นหนึ่งในความสำเร็จทีละขั้น คุณติดค้างความสุขแก่ตัวเอง ก้าวเดินต่อไป ไม่ว่ามันจะยาวนานแค่ไหนก็ตาม
15.) อย่ารู้สึกผิดที่มีความสุข. อย่ารู้สึกแย่ที่ตัวเองรู้สึกดี ! การฟื้นตัวจากการสูญเสียไม่มีระยะเวลาที่ตายตัว ถ้าคุณกลับมามีความสุขได้เร็วกว่าปกติ อย่ารู้สึกผิดที่ตัวเอง "เศร้าน้อยเกินไป" ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองหายดีแล้ว คุณก็ อาจจะหายแล้ว จริง ๆ อย่ากำหนดระยะเวลาที่ต้องเศร้า แต่ก็อย่าเลื่อนเวลาที่คุณจะได้มีความสุขด้วย อย่าบังคับให้ตัวเองต้องเศร้ามากกว่าที่รู้สึกจริงๆ
และนี่คือ 15 เคล็ดลับที่ช่วยให้จิตใจดีขึ้นจากอาการโศกเศร้า สูญเสีย ยังไงลองนำไปปรับใช้ดูกันนะน้าา ^^
Cr. th.wikihow.com
========================
#Happinex (แฮปปิเน็ก) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสมุนไพรธรรมชาติ ช่วยลดอาการซึมเศร้า วิตกกังวล ย้ำคิดย้ำทำ เครียด ช่วยให้หลับลึก ปรับสมดุลของสารเคมีในสมอง และบำรุงสมอง ความจำ สมาธิ ไม่มีผลข้างเคียง ไม่มีสารเคมีตกค้าง ตับและไตไม่ต้องทำงานหนัก ^^
** สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม **
1) LINE ID: @happinex (มี @ นำหน้า)
หรือกดที่ link => http://line.me/ti/p/%40happinex
2) TEL: 095-562-1848
3) WEBSITE: http://happinex.lnwshop.com